จากข้อมูลของทรูฮิตเผย ตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไทยแตะสูงสุด 25 ล้านราย โตขึ้น 26.7% เมื่อเทียบกับปี 2553 ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มการใช้อินเตอร์เน็ตของคนไทยสูงขึ้นทุกปี จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมบริษัทส่วนใหญ่จึงเห็นช่องทางการทำการตลาดแบบใหม่ เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้ ซึ่งเมื่อใช้คำค้นหาว่า "ธุรกิจออนไลน์" ใน search engine ชื่อดังอย่าง google จะพบว่าผลการค้นหาสูงถึง 9,600,000 รายการ (ภายใน 0.26 วินาที) เลยทีเดียว
หนึ่งในธุรกิจออนไลน์ที่น่าจับตามอง คือ เคาน์เตอร์เซอร์วิสออนไลน์ ซึ่งเคาน์เตอร์เซอร์ิวิสก็คือตัวแทนรับชำระเงินค่าสินค้าและค่าบริการให้กับบริษัทฯ ชั้นนำต่าง ๆ นั่นเอง สำหรับคนไทยรู้จักเคาน์เตอร์เซอร์ิวิสได้ ก็เพราะบริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ( CP GROUP ) เป็นบริษัทแรกที่เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 26 กรกฏาคม 2537 และถือเป็นผู้นำในธุรกิจนี้เสียด้วย โดยในปัจจุบันทางบริษัทนี้มีร้านสาขารับชำระเงินกว่า 6,000 สาขา
ทำไมธุรกิจนี้จึงน่าสนใจ? หากคุณทราบข้อมูลที่ผมจะบอกต่อไปนี้ คุณก็คิดว่าธุรกิจนี้คุ้มที่จะทำเหมือนกัน คุณรู้หรือไม่ ปัจจุบันในแต่ละเดือน มียอดการเติมเงิน 24,000 ล้านบาท หรือปีละเกือบ 300,000 ล้านบาท โอ้โห้ทำไมเงินถึงเยอะขนาดนี้ ผลประโยชน์นี้คิดเฉพาะธุรกิจการเ ติมเงินมือถือเท่านั้น ซึ่งค่ายมือถือต่าง ๆ จะจ่ายคืนกลั บมา โดยเฉลี่ย 3-3.5% นั่นหมายถึง ทุกเดือนมีเงินกองอยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท นี่คือผลประโยชน์มหาศาลที่เคยตก อยู่กับ 7-11 เคาน์เตอร์เซอร์วิส เคาน์เตอร์ธนาคาร หรือแม้กระทั่งตู้เติมเงินหยอดเหรียญ ซึ่งหากนับรวมทั้งค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากการชำระบิลต่าง ๆ อีก ก็จะคิดเป็นเงินมหาศาลเลยทีเีดียว
จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม บริษัทน้องใหม่ต่าง ๆ จึงหันมาจับธุรกิจเคาน์เตอร์เซอร์วิสกันมากขึ้น ผนวกกับบทบาทของคอมพิวเตอร์
และอินเตอร์เน็ตที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
การทำในรูปแบบออนไลน์จึงนับได้ว่า
น่าจะเป็นกระแสธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเป็นเงาตามตัวเลยทีเดียว ซึ่งหากคิดส่วนแบ่งทางการตลาดเฉพาะรับเติมเงินมือถือเพียงแค่ 0.1% ก็จะได้กำไรสูงถึง 1,000,000 บาทต่อเดือน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบริัษัทต่าง ๆ มักชูจุดแข็งในเรื่องต่อไปนี้
- ประหยัดเวลา และค่าเดินทาง
- คืนทุนเร็ว
- ลงทุนต่ำ ไม่ต้องวางเงินมัดจำสูง ๆ หรือต้องซื้อเฟรนไชส์ราคาแพง ๆ
- ไม่ต้องแบ่งรายได้ ทำให้สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่มีข้อผูกมัดหรือต้องทำสัญญาแต่อย่างใด
- บริหารงานเอง อยู่บ้านก็ทำธุรกิจได้
- ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์หรือมีมือถือที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ก็เป็นพอ
จากข้อดีดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า หากผู้ที่มีหน้าร้านเป็นของตนเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การนำระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสออนไลน์มาใช้ จึงนับได้ว่าเป็นช่องทางในการขยายฐานลูกค้า เพิ่มยอดขาย และเพิ่มรายได้จากธุรกิจเดิม
ซึ่งหากคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดเพียงแค่ 0.001%
หรือก็คือกำไรที่เพิ่มขึ้นถึง 10,000 บาทต่อเดือนเลย
(เฉพาะรับเติมเงินมือถือเท่านั้น)
แต่หากนับรวมถึงค่าธรรมเนียมที่เก็บจากลูกค้าแล้ว
น่าจะได้กำไรจากส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทเลยทีเดียว สำหรับธุรกิจระดับ SME ที่น่าจะได้ประโยชน์จากการนำระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสออนไลน์ไปใช้ ได้แก่
- ร้านมินิมาร์ท
- ร้านหนังสือ
- ร้านเช่า VCD
- ร้านขายโทรศัพท์
- ร้านเกมส์
- ร้านขายคอมพิวเตอร์
- ร้านอินเตอร์คาเฟ่
- หอพัก
- ร้านถ่ายรูป
- ร้านเสริมสวย
- ร้านไอศครีม ชา กาแฟหรือ Coffee shop
- ร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ
- ร้านโชห่วยที่อยู่ในแหล่งชุมชน
- ร้าน OTOP ฯลฯ
แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่มีหน้าร้านก็สามารถนำระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสออนไลน์นี้ไปใช้ได้ โดยอาจทำเป็นอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ หรือเพื่อใช้ศึกษาโอกาสในการลงทุนค้าขาย โดยอาจจะเริ่มจากในที่ทำงาน ในโรงเรียน ในองค์กร หรือโรงงานต่าง ๆ ก่อนก็ได้
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์ประเภทนี้ยังสามารถเติบโตได้ก็เพราะ ภาระค่าใช้จ่าย ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ มีกันทุกเพศ ทุกวัย และทุกเดือน ตั้งแต่ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่างวดรถ ค่าผ่อนสินค้า สินเชื่อบัตรเครดิต เบี้ยประกันทุกธนาคาร ฯลฯ ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ขนาดใหญ่และมีอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ร้านตั้งอยู่และปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ
ข้อควรคำนึงที่สำคัญสำหรับท่านที่คิดจะลงทุนกับระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสออนไลน์ มีดังต่อไปนี้
1. ความน่าเชื่อถือของบริษัท
2. ความหลากหลายของผลิตภัฑณ์
3. ส่วนลด ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
4. จุดคุ้มทุน
5. ความยากง่ายของระบบหรือวิธีการใช้
6. ระบบช่วยเหลือกรณีเกิดปัญหาหรือมีข้อสงสัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น